วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การแบ่งแยก

คนที่เป็นชาวเซน จะทำอะไรก็ได้ เขามีอิสระอย่างเต็มที่ เขาสามารถอยู่ได้แม้ในที่หนาวเหน็บ หรือร้อนแล้ง
อยู่ได้กับคนร่ำรวย และยาจก
เขาสามารถขึ้นรถเมอเซเดสได้ และรถเมล์
เขาเป็นได้ทั้งซูเปอร์สตาร์ และคนเดินดิน
เขาสามารถทำงานด้านต่างๆได้ ทั้งวิทย์และศิลป์
เขาไม่ถูกตีกรอบด้วย "การติดป้ายชื่อ"
"คุณคือ นักวิทยาศาสตร์" "คุณคือ ศิลปิน"
"เธอเรียนสายวิทย์" "เธอเรียนสายศิลป์"
การแบ่งแยก เกิดจากจิตมนุษย์
ความจริงแท้ ไม่มีการแบ่งแยก

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ศิลปะกับเซ็น

เซ็น เป็นพุทธที่ทันสมัยมาก
มันไม่ต้องการความเคร่ง ระเบียบ พิธี ใดๆ
แท้จริงแล้ว มนุษย์ไม่ได้ต้องการพิธีรีตรองใดๆ ลองสังเกตก็ได้ว่าเราสบายใจตอนไหน ตอนไม่มีพิธี หรือตอนมี
มนุษย์ต้องการความสนุก ความรัก ความสบายใจ
เซ็น คือ ความจริงของมนุษย์
ความไม่โกหก
ศาสนา กับ เสียงเพลงไปด้วยกันได้
ศาสนา กับ ศิลปะ ไปด้วยกันได้
ศิลปะ พัฒนา อารมณ์ของมนุษย์ได้
อาจารย์เซ็นเมื่อก่อนก็ชอบวาดรูปภาพพู่กัน
พู่กันมีสีเดียว คือ สีดำ
ให้ดูที่ลายเส้น...... ดูจิตของท่าน ที่แสดงออกมาผ่านทางลวดลายของพู่กัน

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การปล่อยวาง

รากสูงสุดของศาสนาพุทธก็คือ ความปล่อยวาง
หรือ การละจากตัวตน
ตัวตน ทำให้เราหนัก
ตัวตน ทำให้เราทุกข์ และ สุข
แท้จริงแล้ว ตัวตน หามีไม่ .... ลองคิดดูให้ดี
เรา มีเพียง กาย อารมณ์ ความคิด ความฝัน ฯลฯ
หาใช่ "เรา" ไม่
ยิ่งกว่านั้น หาก "เรา" เปลี่ยนเป็น "กู" จะยิ่งหนัก
หากละวางจาก เรา หรือ กู ได้บ้าง
เรา จะ เบา และมีความสุขที่แท้

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บทกลอน

อยากลองแต่งบทกลอนดูครับ เปลี่ยนบรรยากาศ

ใบไม้ ไหวๆ อันเขียวสด
สดชื่น ชื่นใจ ในทุก ขณะ
บางใบ.....
ปลิดปลิว หลุดไป ไม่ยี่หระ
ต่อ ความตาย อันเป็น ธรรม ของมัน

มดแดง มดดำ บนโขดหิน
ยินเสียง น้ำไหลริน ไหลๆ
ตะไคร่ เขียวคร่ำ เป็นเงาไพร
กิ่งใบ แตกหน่อ ชีวิตงาม....

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หากพบพระพุทธเจ้า จงฆ่าเสีย

เรื่องของเซน เป็นเรื่องที่คิดแบบชาวบ้านธรรมดาไม่ได้
ดังเช่นคำกล่าวนี้เป็นต้น "หากพบพระพุทธเจ้า จงฆ่าเสีย"
ไม่ได้เป็นการฆ่าจริงๆ แต่หมายความว่า การค้นหาความจริงแท้ ต้องหาด้วยตนเอง
ไม่ใช่การ "เชื่อตามที่อาจารย์บอก"
แม้กระทั่งว่า อาจารย์นั้นจะน่าเชื่อถือขนาดไหนก็ตาม คุณยังต้องค้นหา ด้วยตัวคุณเอง
ต้องกำจัด ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดสำหรับเราออกไปให้หมด
เรา เท่านั้น ที่สอนตัวเราเองได้
อาจารย์ เป็นเพียง "มือที่ชี้ไปที่ดวงจันทร์เท่านั้น" หาใช่ดวงจันทร์ไม่

จิตหนึ่ง

ข้างเตียงของผม จะมีหนังสือเกี่ยวกับเซนอยู่ 3-4 เล่ม ได้แก่
1. สูตรของเว่ยหล่าง
2. คำสอนฮวงโป
3. กุญแจเซน
4. วิถีแห่งเซน (โอโช)
5. มังกรเซน
หลังจากที่อ่านมังกรเซนจบไปแล้ว จึงได้หยิบ คำสอนฮวงโป ขึ้นมาอ่านเล่นๆ พบกับคำว่า "ความว่าง" ฮวงโปบอกว่า ความว่างกับพุทธะ คือสิ่งเดียวกัน
เปรียบได้กับความว่างในท้องฟ้า แม้แสงอาทิตย์จะสาดส่องมาในตอนกลางวัน หรือแสงจันทร์สาดส่องในตอนกลางคืน ความว่างก็ยังคงอยู่ที่เดิม
ความว่าง นั่นคือ จิตว่าง จิตหนึ่ง พลังจักรวาล คือ พุทธะ คือ เซน นั่นเอง
ผมลองปฏิบัติโดย มองให้เห็นจิตว่างอันนั้น ตอนที่มีสมาธิ คือตอนขับรถมาทำงานนั่นเอง ก็ได้พบจริงๆ

คราหนึ่งฮวงโปกล่าวว่า "สิ่งนั้น เห็นนั้นตำตาเธออยู่แท้ๆ แต่ลองใช้เหตุผลเอากับมันสิ มันจะหายไปในทันที"

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คาราบาวกับ Zen


ผมชอบน้าแอ๊ดมานานแล้ว แต่มีช่วงหนึ่งที่หยุดฟังเพลงแกไป คือเบื่อนั่นเอง แต่ช่วงนี้ได้กลับมาฟังใหม่แล้วพบว่า เพลงของแกมีความเกี่ยวข้องกับเซนพอสมควร (ที่จริงน้าแอ๊ดเคยมีงาน ชื่อว่า โฟล์ก เซน ด้วย) ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ
แต่เมื่อครั้งหลังนี่มาฟังงานแก แล้วรู้สึกว่ามีความเป็นเซนมาก เช่น เพลง "ความคิดกบฎ", "ชายที่โคนต้นโพธิ์" ในชุด "เหลืองหางขาว"
โดยพยายามแกะเนื่้อเพลง "ชายที่โคนต้นโพธิ์" มาฝากผู้อ่าน ดังนี้

นกโผบินอยู่บนฟ้า ปลาแวกว่ายอยู่ในน้ำ
ความดี ไม่มีคำถาม ความเลว ไม่มีคำตอบ.....
สองชายหัวใจแตกต่าง ปล่อยวาง และชอบกอบโกย
แม้กาลเวลาร่วงโรย ผู้ใด เล่ารู้เท่าทัน
ต่างมาเยี่ยมโลกครั้งหนึ่ง ไม่นาน ก็ผ่านเลยวัน
หลงเหลือ สิ่งใดแก่นสาร เยี่ยงชาย ที่โคนต้นโพธิ์
นกโผบินอยู่บนฟ้า ปลาแวกว่ายอยู่ในน้ำ
ความดี ไม่มีคำถาม ความเลว ไม่มีคำตอบ....
ความดี ไม่เคยปรากฏ ความชั่วปิดบังซ่อนเร้น
ชายเขลา เย่อหยิ่่ง เลือดเย็น ไม่ต่างสิงสัตว์วสา
ห่างไกลเกินธรรมชาติ มักมากกิเลสตัณหา
มัวเมาอำนาจเงินตรา หาเพียงก็แค่ท้องอิ่่ม
วันหนึ่งลูกชายล้มป่วย ความซวยหล่นทับผิดที่
บางทีบทเรียนบทนี้ ทวยเทพยดาดลใจ ให้ชายสมญาว่าพ่อ
ทุ่มเทกระทำเพื่อลูกชาย เงินทองซื้อหาไม่ได้ สายใย สายใจแทบขาด
..... Solo.....
เงียบงันเนิ่นนานเท่าไร ไม่มีสิ่งใดตอกย้ำ ความทุกข์ท่านว่าสีดำ
แต่ ธรรม คนเป็นสีขาว ผู้ชายหัวใจเย่อหยิ่ง บัดนี้ ผมสีดอกเลา
พนมมือ วิงวอนเหนือเกล้า กราบไว้ผู้เฒ่า ที่โคนต้นโพธิ์
นกโผบินอยู่บนฟ้า ปลาแวกว่ายอยู่ในน้ำ
ความดี ไม่มีคำถาม ความเลว ไม่มีคำตอบ.....
--------------------------------------------------------------------
โอ้โห..... สุดยอด จริงๆ

เขียนแข่งกับความโง่

ใจจริงแล้ว ผมไม่อยากเขียนบล็อกเลย (แต่จรืงๆเคยเขียนไดอารีไว้อ่านเอง) แต่อย่างที่เคยบอกไปแล้วในบทความแรกว่า เรื่องเซน มีคนเขียนไว้น้อยมาก หรือในเมืองไทยแทบจะไม่มีคนรู้จักเลยก็ว่าได้ พอพูดถึง Zen คนอาจคิดไปถึง การไม่จ่ายตัง หรือไม่ก็ร้านอาหารญี่ปุ่น
ผมเลยต้องเขียน
เพื่อแข่งกับความไม่รู้ หรือความโง่ ของชาวโลกมนุษย์
คนที่รู้เรื่องของ ธรรม ย่อมอยู่อย่าง สบายตัว เบาตัว
แต่คนที่ไม่รู้ อีกมากมาย พวกเขาแบกอะไรไว้บ้าง บนบ่า บนสมอง
คนรู้เรื่องของ ธรรม ในแบบเถรวาทนั้น มีมากแล้ว บาลีต่างๆก็มีมากมาย
แต่เรื่องของ Zen .... ยิ่งพูด ยิ่งผิด ยิ่งสอน ยิ่งผิด ยิ่งเขียน ยิ่งผิด
แต่ถ้าไม่พูด ไม่เขียน ไม่สอน คนก็ไม่มีทางรู้เลย
ผมเลยต้องเขียนๆๆๆ
พอเขียนไปเรื่อยๆ ก็เกิดความสนุกขึ้นมาบ้าง เลยเป็น Hobby ไปเลย
วันหนึ่ง อาจรวมเล่ม พิมพ์แข่งกับ วินทร์ เลียววาริณ บ้างก็ได้ ฮ่าๆๆ
เมื่อผมเขียน.... ผมได้รับความสุข
เมื่อคุณอ่าน..... สุขหรือไม่สุข เรื่องของคุณ
แต่ถ้าสุขบ้าง ผมก็ดีใจ
แต่ไม่มีทาง ที่ผมจะหยุดเขียน.... ยกเว้นหยุดลมหายใจนั่นล่ะ

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นั่งสมาธิตาย

จากหนังสือ "มังกรเซน" ของ วินทร์ เลียววาริณ นั้น ผมอ่านไปเรื่อยๆ มาฉุกใจอยู่ที่ การตายของปรมาจารย์เซนทั้งหลาย
พบว่าส่วนใหญ่ มักจะกำหนดท่าตายได้ โดยกำหนดให้ตัวเองตายในท่า "นั่งขัดสมาธิ" เมื่อผมนึกภาพตามแล้วรู้สึกเหลือเชื่อพอสมควร
แต่เคยตั้งปณิธานไว้เหมือนกันว่า "จะไม่ยอมตายในโรงพยาบาล" แน่นอน หากผมตายโดยมีเข็มต่างๆยึดโยงอยู่กับตัวแล้ว รู้สึกสมเพศตัวเองน่าดู เลยพาลไปนึกถึงประวัติของ เล่่าจื้อ อีก โดยประวัติเล่าว่า เมื่อเล่าจื้อถึงกำหนดของชีวิตแล้ว ได้กล่าวลากับลูกศิษย์แล้ว เดินทางไปยังภูเขาหิมาลัย เพื่อจบชีวิตแบบสันโดด
ผมยกย่องในวิธีคิดของเล่าจื้อ...ในเรื่องนี้
เห็นหลายคน เมืื่อใกล้ตาย กลับมีแต่ความกลัว ไม่อยากห่างจากผู้คน....
หลายคน ไม่อยากตาย ให้่หมอยื้อชีวิตไว้ให้นานที่สุด
ทั้งการนั่งขัดสมาธิ และ การปลีกวิเวก สำหรับผมแล้ว สุดยอดจริงๆ...
มีอาจารย์เซนบางท่าน ก่อนตายกล่าวว่า "ไม่มีการมา ไม่มีการไป"
อยากเขียนเรื่องนี้
..... ให้พวกคุณ ลองคิดกันดูครับ......

มึนหัว

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้เกิดอาการติดเกมขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ คือเล่นทั้งเกม PC และ PSP เล่นเกือบทั้งวัน ปรากฎว่าเมื่อ จะไปนอนเกิดอาการปวดหัวขึ้นมาพอสมควร เกิดอาการมึนๆ แน่นอนว่าต้่องเป็นทุกข์แน่ๆ มันเป็นสิ่งที่ "มากเกินไป" การเสพอะไรมากเกินไปย่อมไม่มีข้อดี
แต่บางทีรสชาตืของมันก็ช่างเย้ายวนให้เราติด.... จนลืมตัว.....
พอรู่้ตัวอีกทีก็มักจะสายเกินไป
ผมจึงได้ "หยุด" มันชั่วขณะ..... มองเห็นข้อมูลในสมองที่มันแล่นไปมาอย่างรวดเร็ว มันชวนให้เรากลับไปเล่นอีก
ร่างกายเราล้าแล้ว แต่สมองมันไม่เคยล้า..... (นี่แหละที่ทำให้เราฝัน แม้กระทั่งตอนนอนหลับ)
ผมจึงใช้วิชา อิกคิวซัง แตะน้ำลาย นั่งสมาธิ (จริงๆแล้วคือนั่งกินส้ม หน้าบ้าน แต่เปลี่ยนการทำงานของสมอง) แล้วพยายามกำหนดสติกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เคลื่อนย้ายพลังงานจากสมองไปยังจุดอื่นๆของร่างกาย (หากคุณมีสมาธิ จะทำได้)
หัวยังมึนอยู่ แต่รู้สึกดีขึ้นมาก..... เข้านอนทันที
ตื่นเช้ามา รู้สึกเบามาก กายกับจิต "ตื่น" ทั้งคู่ นี่แหละสิ่งอัศจรรย์ที่แท้ของชีวิต
หากจิตตื่น แต่กายไม่ตื่น ก็ยังไม่ดีที่สุด
หาก ตื่นทั้งสองสิ่ง นั่นคือ "ตื่น" ที่แท้จริง
ลองดูสิครับ

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มังกรเซน


ผมได้หนังสือของคุณ วินทร์ เลียววาริณ มาเล่มนึงครับ ชื่อว่า "มังกรเซน" หน้าปกสวยทีเดียว ได้มาแล้ว ก็ทยอยอ่านไปเรื่อยๆ ราวกับหนอนที่ค่อยๆแทะใบไม้ไปทีละนิด อ่านอย่างมีความสุขพอสมควร อ่านไปยิ้มไป อ่านไปงงไป อ่านไปหัวเราะไป

นี่แหละเซน สีสันของมัน มีชีวิตชีวามาก

แต่อย่าลืมนะครับว่า เมื่ออ่านแล้ว อย่าไปยึดติดกับมัน

เพราะ "มือที่ชี้ไปที่ดวงจันทร์ หาใช่ดวงจันทร์ไม่"

อ่านแล้ว เข้าใจ เข้าใจแล้ว มองเห็น มองเห็นแล้วเงียบ.......

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โอโช กับ Zen

โอโช (OSHO) เป็นนักคิด นักปรัชญา ท่านหนึ่งที่โลกกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอ หนังสือของโอโช เป็นพลังงานสำหรับผมทีเดียว คำพูดแต่ละคำของท่านล้วนแต่โดนใจ ตรงใจ และให้พลังชีวิตอย่างมากมาย
ผมได้แบ่งปันหนังสือบางเล่มไปให้กับลูกศิษย์ (ที่สนใจ) ก็กล่าวขวัญถึงอย่างมากมาย แต่ตอนนี้ผมได้ข่าวว่า หนังสือจะโดนแบนซะแล้ว (ไม่มีการแปล) ผมจึงบอกกับลูกศิษย์ของผมว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขากล่าวถึงความจริง "มากเกินไป"
เช่นเดียวกับ Zen ซึ่งกล่าวถึงเพียงแต่ความจริงเท่านั้น
คนส่วนใหญ่ไม่ชอบฟังความจริง เพราะเขามีความคิด มีทัศนคติ เป็นของตัวเอง ความจริงนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่มีคอนเซ็ปท์ ไม่มีแนวคิด ไม่มีทัศนคติ ไม่มีกฏ ไม่มีความรู้
ความจริงนั้นเงียบอย่างยิ่ง เล่าให้กันฟังไม่ได้
สิ่งนั้น อาจเรียกว่า Zen

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ภาพประทับใจ

วันนี้ ขับรถไปทำงานเหมือนเดิม พอดีมีคุมสอบแต่เช้า...

ง่วงนอนมาก อดนอนมาหลายวัน เหมือนเดิมคือฟัง mp3 ... วง fourplay ฟังไปเรื่อยๆ ร่างกายค่อนข้างเซื่อมซึม ความทุกข์ทางร่างกายกำลังทำงาน

ผมพยายามไม่ให้จิตทุกข์ไปด้วย ... พยายามมองความทุกข์ให้เป็นเรื่องธรรมดา ฟังเพลงไปเรื่อยๆ เริ่มดีขึ้น อาจเป็นเพราะว่าวันนี้รถไม่ค่อยติด มันสมูทดี ความต่อเนื่องทำให้จิตใจเราสบาย

แวบหนึ่งนั้นเอง ผมมองไปตามข้างทาง ได้เจอกับภาพที่ตลกดี คือเห็นคอนโดมิเนียมที่หนึ่งแถวรัชดา ด้านหน้าเขียนว่า "Shopping Tokyo Free" คงเป็นการโฆษณาให้ลูกค้ามาซื้อ แต่ที่ด้านหน้าป้ายโฆษณานั้น มีช่างก่อสร้างประมาณ 3-4 คนกำลังรุมล้อมอยู่หน้ารถเข็นขาย "ส้มตำ" ด้านหลังของรถเข็นเป็นลูกบอลขนาดใหญ่สีส้ม โปรโมทคอนโด ช่างเป็นภาพที่ตัดกันจริงๆ แสงแดดทะแยงอ่อนๆ ตัดหน้าด้านข้าง .... ผมรีบคว้ากล้องดิจิตอล ...แต่น่าเสียดาย กล้องไม่มี

ได้แต่เก็บภาพนั้นไว้ในสมอง ก็เลยมาเขียนในบล็อกนี้ครับ แบ่งปันความสุขกัน

ในความรู้สึกของผม กรรมกรเหล่านี้ ไม่เข้าใจความหมายของป้ายโฆษณาหน้าคอนโดหรอก ความสุขของพวกเขาคือ ส้มตำ มากกว่า

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

เขียนไปเรื่อย

เรื่องของ ZEN ถูกบันทึกไว้น้อยมาก เนื่องจาก ZEN ที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังสือ
ดังนั้นเรื่องของ ZEN จึงเป็นเพียงเรื่องเล่า เช่น เรื่องของท่านโพธิธรรม, เว่ยหล่าง, ฮวงโป หรือนิทานเซ็น เป็นต้น
แต่สำหรับผมแล้ว เรื่องเล่าเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะสร้างความอิ่มเอิบใจได้อย่างไม่รู้จบ (เวอร์ไปไหม) แต่ผมที่เคยสนใจในพุทธศาสนาแล้วสงสัยว่า ทำไมต้องสอนเป็นบาลี ซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจ เมื่อมาพบกับเซ็นแล้วได้ยินว่า ให้เผาตำราทิ้ง ให้เผาคัมภีร์ทิ้ง แล้วผมคิดว่า ใช่เลย...
เซ็นส่อนให้เห็นเอง ให้รู้เอง ไม่ต้องบอกกล่าว
ดั่งครั้งที่พระพุทธองค์ ชูดอกบัวในมือขึ้น แล้วพระมหากัศยปะ ก็สามารถเข้าใจได้ในนัยยะ ที่ท่านต้องการจะสื่อสาร เป็นการส่งมอบแบบ จิต สู่ จิต.....

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

การให้ คือการรับ

ผมสังเกตเห็นว่า หากคนเราเห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ทุกคนก็จะขาดแคลนกันหมด เช่น มีคน 50 คน มีของ 20 ชิ้น หากทำแบบใครดี ใครได้ แก่งแย่งกัน จะไม่มีใครได้ของเกิน 20 ชิ้น และบางคนจะไม่ได้ของ หรือของไปอยู่กับคนไม่กี่คน
ตอนขับรถ หากแย่งเลนกันอย่างเดียว รถจะชนกันได้ง่ายดาย
ตอนเรียนหนังสือ หากไม่เคยช่วยสอนเพื่อนๆเลย เราจะรู้แค่เรื่องนั้น แต่ถ้าสอนให้เพื่อน เราจะรู้เพิ่มขึ้น
ตอนเราแก่งแย่ง ความเครียดในร่างกายของเราจะทำงาน เกิดความทุกข์
ตอนที่เรา ยอม, ให้ ร่างกายเราจะสบาย ไม่เกิดทุกข์
ความทุกข์คือการเป็นทาส ไม่เป็นอิสระ จงทำตัวให้เป็นอิสระ....

มหัศจรรย์แห่งเวลา

ผมเป็นคนหนึ่งที่สงสัยเหลือเกินว่า เรามีชีวิตอยู่กันเพื่ออะไร ดูเหมือนว่าเรามีความเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ ในจักรวาลอันมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน เราก็เล็กกะจิดริด หากเทียบกับจักรวาล เหตุใดเราจึงมีความสุข รับรู้อารมณ์ได้ ตอนที่เราฟังเพลง เหตุใดเราจึงรู้จักกับความรัก และได้รับพลังงานจากความรัก หรือเหตุใดเราจึงรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวด ทรมาน ยามทุกข์ยาก
เวลาบนโลก ดวงดาวใบนี้เพียง 70 ปีช่างสั้นนัก หากเทียบกับการคงอยู่ของธรรม
อัศจรรย์ เหลือเกิน.... การดำเนินของเวลา และสรรพสิ่ง
จงเปิดตาของท่านออก ความจริง ปรากฏอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว...

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

การเฝ้าดู


ผมเป็นคนขี้เบื่อ ก่อนหน้านี้ยิ่งขี้เบื่อมาก
ผมตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าความเบื่อเกิดจากอะไร .... คิดว่าน่าจะเกิดจาก การหลุดเข้าไปในสมอง ในโลกของสมองนั้น เป็นโลกที่สนุก มีเสน่ห์ยั่วยวน แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ติดกับมัน เมื่อสมองเราไม่มีอะไรทำ เราก็จะเบื่อ
ตอนขับรถ ผมฟังเพลงบรรเลงของวง Foreplay ในขณะหนึ่ง รู้สึกว่า ตัวตนของเราหายไปในพลัน ยินเพียงเสียงเพลงอันแสนจะไพเราะ เพลงที่บรรเลงผ่านประสาทหูของเรา ผมเฝ้าดูการทำงานของอายตนะนั้นอย่างตั้งใจ มองเห็นผู้สังเกต หรือตัวสติอย่างชัดเจน เวลาแห่งเซ็น
ขณะนั้น ไร้ซึ่งความเบื่อ.... แม้กระทั่งเวลา...

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

วงกลม ศูนย์


สัญลักษณ์ของเซ็นก็คือ วงกลม ซึ่งวาดด้วยพู่กันจีน ในความรู้สึกของผม มันหมายถึง เลขศูนย์ ความเป็นทั้งหมด และความว่าง
เลขศูนย์อยู่ในทุกที่......
ความว่างปล่าวอยู่ในทุกที่.......

ความไม่มี....... คือ มีทุกอย่าง

เซ็น คือ การปล่อยวาง

ไร้ตัวตน เพียงการเป็นอยู่ เช่นนั้นเอง...

เซ็น มีอยู่แล้ว

เซ็น มีอยู่แล้ว (Zen Ready) เป็นความตั้งใจของกระผมเอง ที่ต้องการจะแสดงออกซึ่งความปลาบปลื้มกับ
เรื่องของ Zen ที่ตัวเองก็ศึกษา และพยายามปฏิบัติอยู่
ผมบอกได้เลยว่า ทุกวันนี้ ผมมีความสุข ด้วย เซ็น
ผม ไม่มีความทุกข์ ด้วยเซ็น
ผม รัก เซ็น
ดังนั้น ผมจึงต้องการ จะส่งต่อความรู้สึกที่ดีให้กับผู้อื่น ที่อยู่ร่วมกันกับผมบนโลกใบนี้ด้วย
ขอบคุณครับ