วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Lost Symbol


ได้อ่านนวนิยายเรื่องใหม่ของ Dan Brown เรื่อง "The Lost Symbol" จบลงแล้ว เลยอยากจะชวนเพื่อนๆพูดคุยถึงเรื่องนวนิยายเรื่องนี้ครับ
สำหรับผม ขอแสดงความคิดเห็นดังนี้นะครับ
ในแง่ของ ความมีคุณค่าเชิงวรรณกรรม ผมให้คะแนน 6 เต็ม 10 นะครับ หมายความว่า เรื่องนี้อ่านได้รอบเดียว อ่านอีกก็ไม่สนุก เนื่องจากว่าการแปลนั้น อาจไม่ได้เน้นที่ภาษา และผู้เขียนก็เน้นไปที่การเล่าเรื่องเสียมากกว่า โดยพยายามให้สนุก ราวกับกำลังดูหนังฮอลีวู๊ดอยู่กระนั้น.....
ที่ให้คะแนนมากหน่อยคือ ความน่าสนใจ ของเรื่องราวครับ ผมให้ 9 เต็ม 10 เลย ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดเด่นของ Brown อยู่แล้ว เช่นเรื่อง Davinci Code ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง..... ในเรื่องนี้ก็ได้นำประเด็นเรื่องของ "ความลี้ลับแห่งบรรพกาล" กับเรื่อง "วิทยาศาสตร์ทางจิต" มาเล่นได้อย่างน่าสนใจ
ข้อดีของหนังสือเล่มนี้คือ การนำเสนอความรู้ได้โดยไม่น่าเบื่อ เช่นเรื่องของ ฟรีเมสัน, ประวัติศาสตร์ของอเมริกา เราจะได้ความรู้อย่างเพลิดเพลินครับ นี่ก็เป็นจุดเด่นของ Brown ตั้งแต่ Davinci เช่นกัน
แต่จุดที่ประทับใจผม คงเป็นเรื่องของ วิทยาศาสตร์ทางจิตนั่นแหละครับ ซึ่งพูดถึงน้อยไปหน่อย ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ เรื่องการถอดรหัส ค้นหาความลี้ลับของบรรพการซะมาก ซึ่งสำหรับผมแล้วมันดูติ๊งต๊องพอสมควร แต่เรื่อง Davinci นั้นโอเคครับ แต่เรื่องนี้รู้สึกว่าจะหากินกับของเก่ามากไปหน่อย
อย่างไรก็ตาม นวนิยายที่อยู่ในใจของผมนั้น มีค่อนข้างน้อยครับ ได้แก่ สิทธารถะ, คำพิพากษา, ..... นึกไม่ออกละครับ โดยเฉพาะสิทธารถะนั้น หยิบมาอ่านกี่รอบก็อ่านได้ ราวกับว่าถ้อยคำในทุกบรรทัดนั้น มีมนต์สะกดให้ต้องตา ตรึงใจ ผมอยู่อย่างแท้จริง ซึ่งผมได้เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้วในตอน "หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตของผม" (http://zenready.blogspot.com/2010/06/blog-post.html)
สรุป ผมมองว่า คนฝรั่งนั้น ไม่ละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง เท่ากับคนทางเอเซีย แต่คนฝรั่ง มีการร่วมมือร่วมใจกันดี ดังที่ The Lost Symbol ได้บอกเป็น 'นัยยะ' ไว้ ได้แก่ การวางฐานรากของประเทศสหรัฐอเมริกา นั่นเอง......

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Forrest Gump ภาพยนตร์ ในดวงใจ


เมื่อประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว ผมได้ไปดูหนังเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า Forrest Gump โดยมี Spilberg ขวัญใจของผมเป็นผู้กำกับการแสดง และมี Tom Hangs นักแสดงคู่ใจ Spilberg เป็นนักแสดงนำ โดยแสดงเป็นนาย Forrest Gump ผู้มี "สมอง" ที่มีปัญหา ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า "คนปัญญาอ่อน" นั่นเอง
เป็น ภาพยนตร์ ในดวงใจของผมเลยครับ โดยเฉพาะ ฉากเปิดเรื่อง เป็นการล่องลอยของขนนก จนมาตกที่ท้าวของ Forrest กับเพลงบรรเลงที่แสนจะกินใจ
ความรักของ "แม่" ที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ สำหรับ ลูกชาย ผู้มีความพิเศษ
ความซื่อ ของ Forrest ที่จริงใจกับทุกผู้คน
ความกล้าหาญของ หนุ่มปัญญาอ่อน ที่คนปัญญาดี ยังต้องอาย
ความรัก เพัยงหนึ่งเดียว จากหัวใจที่บริสุทธิ์ (ที่มีต่อ เจนนี่)
สงครามเวียดนาม อันโหดร้าย
เพื่อนในยามสงคราม
การแตกสลายของดวงใจ .... นำไปสู่การค้นหา... ในภายใน ...
เขาวิ่ง วิ่ง และ วิ่ง เพื่อถามหัวใจตนเอง ... เมื่อพบคำตอบ เขาจึงหยุดวิ่ง!
และ ที่สุด ผมเห็น สายลม แสงแดด ความไม่แน่นอนของชีวิต.. ราวกับการทิศทางที่ำไร้รูปแบบของขนนก

ดนตรี ไพเราะมาก
บท ดีมาก มีคติสอนใจ มากมาย
สุดท้ายแล้ว ทำให้ผมได้รู้สึกกับคำพูดหนึ่งว่า
"จิตใจ กับ สมอง หาใช่สิ่งเดียวกัน" และ "จิตใจ ย่อมมีคุณค่าอันสูง กว่า สมอง หรือความคิดใดๆ"
ดังนั้น Forrest จึงเป็นครู ของผม เช่นกัน .

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตของผม


หนังสือบางเล่ม ..... ใช้อ่านเพื่อไปสอบ
หนังสือบางเล่ม..... ไม่ควรอ่าน
หนังสือบางเล่ม..... ฝืนอ่าน
สำหรับผม มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ที่บันดาลให้ผมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า "สิทธารถะ" ครับ
ผมยืมจากห้องสมุดชมรม (ศิลปะการแสดงและวรรณกรรม) ที่ พระจอมเกล้า ลาดกระบัง
ทันที ที่ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ผมลุกขึ้น ในแววตาของผมมองเห็นโลกใบใหม่
มีความกล้าหาญเกิดขึ้น
มีเสียงร้องอยู่ภายใน
เสียงแห่งความเป็น "ปัจเจก"
ผมสามารถ มีความสุข กับการอยู่ในโลกใบนี้ ได้เพียงลำพัง......
...... ตั้งแต่นั้นมา ......

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กลอน ความรัก

ความรัก

ลืมตาขึ้นมา เห็นสีสันในโลก.........
แปลกใจ
เล่น เล่น เล่น

ในสรรพสิ่งล้วนแต่งแต้มด้วยสีสัน อัศจรรย์ ช่างมีความสุข
เล่น เล่น เล่น

บางคน ยัดเยียดความดำหม่น เข้ามาในใจ
โอ้..... โลกมีด้านมืด

ถึงจุดทางแยก จะเข้าสู่โลก หรือ เล่น!

ทางแยกที่ไม่มีทางเลือก

ความรัก ยังคงอยู่........... ใจคน เปลี่ยน
เปลี่ยน แปร

ความสงสัย ความอัศจรรย์ สีสัน เลือนราง

โลกใบใหญ่ ยังคงอยู่
ความรัก .... ยังคงอยู่


ประพันธ์ โดย รวินทร์ ไชยสิทธิพร

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ขณะแห่งเซน

ใน Twitter (twitter.com/rawin_zenready) ผมได้ follow บุคคลหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Zen_moment ซึ่งผมไม่รู้จักเขามาก่อน โดยผม Search ใน Twitter คำว่า Zen เจอหลายคน แต่ผม follow คนนี้
ติดใจในคำว่า Zen_moment
ชั่วขณะแห่งเซน
จริงๆแล้ว zen กับ moment ก็คือสิ่งเดียวกัน
ปัจจุบัน, สมาธิ, เซน คือเรื่องเดียวกัน
อาจารย์เซน ไม่ชอบอธิบายอะไรมากมาย หากเรารู้เอง เราจะไม่ถาม
หากเข้าถึงสมาธิ หรือ ซาโตริ เราจะรู้เอง
หลักการทั้งหมดของเซน คือเรื่องนี้
พูดง่าย แต่ทำยาก
ดังนั้น ไม่ต้องทำ
แค่เข้าใจ หรือไม่ก็ รอวันที่จะเข้าใจ....... รอวัน ซาโตริ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เนื้อเพลง "แดดยามเช้า"






เพลงนี้ เป็นเพลงแรกที่ผมแต่งขึ้นมา ในชุดที่ผมร่วมงานกับวง Melodix NoisE ครับ เป็นดนตรีที่ออกมาจากใจจริงๆ ไม่ได้ใช้ทฤษฎีดนตรีใดๆเลย คือผมคิดถึงความรักสมัยเป็นวัยรุ่น แล้วก็แต่งออกมาเลยครับ


(ฟังตัวอย่างเพลงได้ที่ http://www.fuse.in.th/showcase/audio/2715 ครับ)





ชื่อเพลง "แดดยามเช้า"

เนื้อร้อง+ทำนอง รวินทร์ ไชยสิทธิพร

ดนตรี Melodix NoisE



G Em G

แสงแดดในยามเช้า ส่องประกายวับวาวลงจับตา
G Em G

แต่ใจของฉันสิหนา อดละเมอถึงเธอไม่ได้เลย
G Am

เดี๋ยวมันก็ลอยมา เดี๋ยวมันก็ลอยมา
Em D7 G
ไม่ทันได้ตั้งท่า มันลอยมากระทบใจ....



Bm G Am Em

* ความรัก ใครเล่าประจักษ์ในจิตใจ รักนั้นคืออะไร รักนั้นมาจากไหน
Am D7 G

โอ้ใครเล่าเข้าใจ โปรดช่วยบอกฉันที



G Em G

โลกเราก็เป็นอย่างนี้ มีผีเสื้อและดอกไม้
G Em G

น้ำค้างหยดบนยอดใบ ขับกล่อมไพรนกกาให้ช่างฝัน
G Am Em

ฝันไปตอนกลางวัน ฝันไปตอนกลางวัน
Am D7 G

ไอ้เราก็ช่างฝัน ปล่อยมันเลยตามเลย


ซ้ำ * *
Am Em Am D7 G
รักนั้นช่างน่ารัก รักนั้นช่างงดงาม ฉันคงต้องเฝ้าถาม ถามมันทั้งชีวี

--------------------------------------------------------------------------

ใครเล่นกีตาร์เป็นสามารถเล่นได้เลยนะครับ แต่จังหวะบางช่วงจะแปลกหน่อย (ครึ่งห้องครับ) คือช่วง "ลงจับตา" เป็นต้นครับ

เพลงอื่นๆ จะทยอยตามมานำเสนอต่อไปนะครับ เช่นเพลง
"ขอบคุณที่เข้าใจ", "แฮนดี้แมน", "หินแม่น้ำ", "เท่าที่ฉันรู้"

หวังว่า จะ Happy กับผลงานของผม และ Melodix NoisE นะครับ :-)

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

คนไม่มีอนาคต

ผมเป็นคนไม่มีอนาคตครับ
เพราะ อนาคต นั้น ไม่มีจริง
ผม มีแต่ "ปัจจุบัน" ครับ
หากโชคดี...... อนาคต จะเกิดขึ้นเอง
จริงๆแล้ว ก็คือปัจจุบันอีกนั่นแหละ
หากสมองคุณ จำอะไรไม่ได้
อดีต, อนาคต ก็จะหายสิ้นไป
คงเหลือแต่ ชีวิต... ณ. ที่นั้น

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

คนไม่อ่านหนังสือแล้ว

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือมาก ตั้งแต่จำความได้ ชอบกลิ่นหนังสือ ชอบไปเดินตามร้านขายหนังสือ ชอบนั่งเล่นในห้องสมุด
พอเริ่มมีเงิน ก็ซื้อหนังสือมาอ่านเอง และรักในโลกของจินตนาการที่หนังสือมีให้ เช่น...
คำพิพากษา, พันธุ์หมาบ้า, แผ่นดินนี้เราจอง, หลายรักของโดบี้, กิจกรรมชายโสด, ขอหมอนใบนั้น ให้ฉันฝันยามหนุน, อยากให้รักเรานั้น นิรันดร, สิทธารถะ ฯลฯ
หนังสือ สร้างตัวตนให้กับผม สร้างแนวคิด สร้างวัตถุดิบทางความคิด ให้ภาษา คำพูด ให้กำลังใจ มากมาย.....
ขอบคุณ ผู้สร้างสรรค์ผลงาน วรรณกรรม ทุกท่าน บางท่านทำด้วยความรัก จากจิตอันจริงแท้
ในยุคนี้ คนอ่านหนังสือน้อยลง เป็นการอ่านบนจอแทน
ไม่มีกลินหมึกแล้ว......
ไม่มีเสียง ฝรึบฝรับ ของหน้ากระดาษ.......
มีแต่เสียง "คลิ้ก" ....
ลาก่อน ..... หนังสือที่รัก.......

วาดไหว

วาดไหว ลอยไป ในสายลม
ใบปลิด หลุดลม ลอยลอยไหว
หย่อนใจ นั่งลง ลอยใจไป
ลมเย็น พัดผิว กายฉ่ำเย็น
โอ้เธอ ยามนี้ ไม่พบหน้า
ห่างกาย พี่ยา ให้ใฝ่ถึง
คำนึง กลิ่นกรุ่น น้องคนึง
คิดถึง พี่บ้าง นะคนดี